กฎหมายเกี่ยวกับการรีโนเวทต่อเติมบ้าน ที่ต้องรู้

กฎหมายเกี่ยวกับการรีโนเวทต่อเติมบ้าน

กฎหมายเกี่ยวกับการรีโนเวทต่อเติมบ้าน ที่ควรรู้ ข้อห้ามการรีโนเวทต่อเติมบ้าน การขออนุญาตต่างๆ บ้านจัดสรรรีโนเวทได้ไหม มีคำตอบในบทความนี้ กฎหมายเกี่ยวกับการรีโนเวทต่อเติมบ้าน ที่ต้องรู้ ทาวน์เฮ้าส์ ตึกแถว ทำบ้านเป็นสำนักงานได้ไหม

ไหนใครซื้อบ้านในโครงการบ้านแล้วเห็นไอเดียดีๆ เก๋ๆ ในการต่อเติมบ้านแล้วนึกอยากจะแปลงโฉมบ้านตัวเองบ้าง

เป็นเรื่องปกติเวลาที่เราซื้อบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ หรือทาวน์โฮมทั้งหลายแล้วจะนึกอยากดัดแปลงบางส่วนของบ้าน ต่อเติมเพิ่มลดขนาดการใช้สอยให้มันตอบโจทย์การใช้งานของเรา เพราะยังไงนั่นก็คือทรัพย์สินส่วนตัวที่เราซื้อมาและเรามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้จริงมั้ย

แต่ในโครงการบ้านจัดสรรทั้งหลายเค้าออกแบบบ้านให้มีความสอดคล้องกับขนาดที่ดินมาแล้ว แถมถ้าทำแบบนั้นเพื่อนบ้านที่อยู่ชิดรั้วกันก็อาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้นการรีโนเวทบ้านของตัวเอง บางครั้งก็จำเป็นที่จะต้องขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฏหมายก่อน

แต่ถึงแม้ว่าตามกฎหมายต่อเติมบ้านเค้าจะกำหนดไว้ว่าให้เราต้องขออนุญาตเจ้าพนักงานก่อน ถึงอย่างนั้นก็ยังมีในบางกรณีที่อนุโลมให้เราสามารถทำได้เลยโดยที่ไม่ต้องขออนุญาตนะ ซึ่งสรุปสั้นๆ ได้ตามนี้เลย

 

รีโนเวท รับเหมาต่อเติม บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ ตึกแถว กับ UREBUILD
  • ออกแบบ NewDesign จากไลฟ์สไตล์ของคุณ สร้างบ้าน รีโนเวทบ้าน ตกแต่งภายใน บริการครบวงจร ดูแลหลังสร้างเสร็จ
  • ควบคุมงานโดยสถาปนิก-วิศวกรมืออาชีพ ออกแบบตามความต้องการของลูกค้า
  • ทีมงานคุณภาพมากประสบการณ์ รับออกแบบ-สร้างบ้าน ดีไซน์เฉพาะคุณ
  • พร้อมดีไซเนอร์ส่วนตัวให้คำปรึกษาตัวต่อตัว เหมาะกับทุกสไตล์ ห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น

บริการของ UREBUILD >>

 

สารบัญ

 

กฎหมายเกี่ยวกับการรีโนเวทต่อเติมบ้าน 5 ข้อ ที่ต้องรู้

1. การเปลี่ยนโครงสร้างโดยใช้วัสดุ ขนาด จำนวน และชนิดเดียวกับของเดิม ไม่ต้องขออนุญาตครับ ยกเว้นก็แต่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนโครงสร้างของอาคารที่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก คอนกรีตอัดแรง หรือเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ

อย่างบ้านที่เป็นโครงสร้างไม้ จะเปลี่ยนโครงสร้างไม้ชิ้นใหม่ตามแบบเดิมก็สามารถเปลี่ยนได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาต แต่ถ้าเป็นบ้านโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กและโครงสร้างเหล็ก ต่อให้จะเป็นแค่การเปลี่ยนวัสดุ หรืออะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม อันนี้ต้องขออนุญาตก่อน

2. การเปลี่ยนแปลงส่วนต่างๆ ของบ้านที่ไม่เป็นโครงสร้าง โดยใช้วัสดุชนิดเดียวกันกับของเดิม เพิ่มน้ำหนักให้โครงสร้างไม่เกิน 10% ไม่ต้องขออนุญาต อย่างเช่น ผนัง พื้น หรือส่วนตกแต่งทั่วไป ถ้าจะดัดแปลงปรับเปลี่ยนโดยใช้วัสดุเดิมหรือในปริมาณใกล้เคียงของเดิม สิ่งเหล่านี้มักจะไม่ได้เพิ่มน้ำหนักให้กับตัวอาคาร

แต่ถ้าเปลี่ยนวัสดุที่หนักขึ้น อย่างการเปลี่ยนจากวัสดุปูพื้นไม้ให้เป็นพื้นคอนกรีต หรือเพิ่มระดับและความหนาของพื้น แล้วมีการเพิ่มน้ำหนักเกิน 10% ของน้ำหนักอาคาร สิ่งนี้ต้องยื่นขออนุญาตก่อนนะ ไม่งั้นผิดกฏหมาย

3. การเปลี่ยนแปลง ต่อเติม เพิ่มหรือลด ขนาด รูปทรง หรือส่วนประกอบอาคาร โดยเพิ่มน้ำหนักไม่เกิน 10% ไม่ต้องขออนุญาต ส่วนนี้จะคล้ายกันกับข้อ 2 ครับ นั่นคือการเปลี่ยนแปลงส่วนย่อยของตัวอาคาร

อย่างเช่นถ้าอยากจะเปลี่ยนรูปแบบประตู หน้าต่าง ที่ไม่ได้เป็นโครงสร้างอาคาร และคำนวณแล้วมีการเพิ่มน้ำหนักไม่เกิน 10% ของน้ำหนักอาคาร ก็สามารถปลับโฉมได้เลย ไม่ต้องรอขออนุญาตก่อนเหมือนกัน

4. การเพิ่มหรือลดเนื้อที่ของหลังคาหรือพื้นที่ชั้นใดชั้นหนึ่ง ให้มีพื้นที่น้อยลงหรือมากขึ้น รวมกันแล้วไม่เกิน 5 ตารางเมตร และไม่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนเสาหรือคาน สิ่งนี้ก็ไม่ต้องขออนุญาตเหมือนกัน

อย่างเช่น ถ้าเราอยากจะเพิ่มพื้นเฉลียงชั้นล่าง หรือต้องการต่อเติมกันสาดที่มีเนื้อที่รวมกันแล้วไม่เกิน 5 ตารางเมตร และมีน้ำหนักรวมกันเพิ่มขึ้นไม่เกิน 10% เราก็สามารถทำได้เลย ถ้าหากว่าแผนปรับเปลี่ยนของเราไม่ได้ไปลดหรือเพิ่มเสาหรือคานของตัวอาคารแต่อย่างใด

5. การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนหลังคาบ้านก็สามารถทำได้เลยเหมือนกันครับ โดยขนาดพื้นที่ที่จะติดตั้งนั้นต้องไม่เกิน 160 ตารางเมตร และมีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อตารางเมตร

แต่กรณีนี้ถึงจะไม่ต้องขออนุญาต แต่ว่าก็ต้องมีผลการตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างและการติดตั้งอย่างปลอดภัยจากทางวิศวกรก่อนแจ้งให้กับทางพนักงานท้องถิ่นทราบก่อนอยู่ดี

กฏหมาย และการขออนุญาตดัดแปลง รีโนเวทอาคาร

การดัดแปลง ต่อเติม เพิ่ม ลด หรือขยายรูปทรง สัดส่วน น้ำหนัก โครงสร้างของอาคารที่ก่อสร้างไว้แล้ว เช่น การต่อเติมหลังคาด้านหลังตึกแถว การต่อเติมหลังคาคลุมชั้นดาดฟ้า การติดตั้งโครงเหล็ก และอื่น ๆ ที่เป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับโครงสร้าง

ต้องเป็นไปตามที่กฏหมายควบคุมอาคารกำหนด และจะต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ซึ่งเจ้าของบ้านจะต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาต พร้อมเอกสารประกอบการพิจารณา ซึ่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นจะตรวจพิจารณา และแจ้งผลการตรวจพิจารณาภายใน 30 วัน

เมื่อได้รับใบอนุญาตแล้วจะต้องแจ้งชื่อผู้ควบคุมงาน และวันดำเนินการดัดแปลง ตั้งแต่วันที่เริ่มต้น ไปจนถึงวันที่สิ้นสุดต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น พร้อมทั้งแนบหนังสือแสดงความยินยอมของผู้ควบคุม

แต่ในกรณีที่ทำการรีโนเวท ต่อเติมไปเรียบร้อยแล้ว โดยยังไม่ได้ทำการขออนุญาต ก็สามารถยื่นขออนุญาตย้อนหลังได้ พร้อมเอกสารประกอบการพิจารณาที่มีเงื่อนไขดังต่อไปนี้

  1. สถาปนิก และวิศวกรผู้ออกแบบ ต้องเป็นวุฒิสถาปนิก และวุฒิวิศวกร
  2. มีสถาปนิก และวิศกรผู้ได้รับอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเป็นผู้ควบคุมงาน
  3. สำเนาใบอนุญาต และรายการคำนวณที่สถาปนิก และวิศวกรผู้ออกแบบลงนามรับรองวันเริ่มต้น และวันสิ้นสุดการดำเนินการ

ข้อดีของการขออนุญาตหลังจากทำการดัดแปลง รีโนเวทอาคารเรียบร้อยแล้ว คือ สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องรอตรวจพิจารณานาน ๆ แต่ก็มีข้อเสีย คือหากเจ้าพนักงานท้องถิ่นทำการตรวจสอบแบบแปลนแล้วพบว่าไม่ถูกต้อง ก็สามารถสั่งให้เจ้าของบ้านรื้อถอน แก้ไขอาคารให้ถูกต้อง ซึ่งอาจทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

การรีโนเวทบ้านที่ต้องขออนุญาต

การรีโนเวทบ้านที่ต้องขออนุญาต กฏหมายควบคุมอาคารจะให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง และน้ำหนัก หากมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหรือส่วนต่าง ๆ ของอาคารที่สร้างไว้แล้วผิดไปจากเดิม ได้แก่ เพิ่ม เติม ลด ขยาย ลักษณะขอบเขต แบบ รูปทรง สัดส่วน น้ำหนัก ที่ไม่ใช่การซ่อมแซมหรือการดัดแปลงอาคารตามที่กฎหมายกำหนด

เช่น ขยายพื้นที่ชั้นใดชั้นหนึ่งของอาคารมากกว่า 5 ตารางเมตร เปลี่ยน หรือขยายหลังคาให้ปกคลุมเนื้อที่มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งอาจส่งผลกระทบแก่เพื่อนบ้าน หรือมีการเพิ่ม ลด หรือเปลี่ยนเสา คาน บันได และผนัง ที่จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้าง จำเป็นที่จะต้องยื่นขออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อน

การรีโนเวทบ้านที่ไม่ต้องขออนุญาต

1. ต่อเติมโครงสร้างโดยใช้วัสดุเดิม ที่มีขนาด จำนวน และชนิดเดียวกัน เช่น พื้น หรือผนังไม้มีการชำรุด แล้วต้องการเปลี่ยนไม้ทั้งหมด โดยใช้ไม้แบบเดิม จำนวนเท่าเดิม แต่ต้องไม่ใช่การเปลี่ยนโครงสร้างของอาคารที่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก คอนกรีตอัดแรง หรือเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ

2. การรีโนเวท เปลี่ยนแปลงส่วนต่าง ๆ ของอาคาร ที่ไม่ใช่ส่วนของโครงสร้าง หรือเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับโครงสร้างเกินร้อยละ 10 ด้วยวัสดุเดิม หรือวัสดุอื่น เช่น การปรับเปลี่ยน พื้น ผนัง จากไม้ แต่ต้องการเพิ่มกระเบื้องเข้าไป โดยต้องคำนวณดูว่า น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมา มากกว่าเดิมเกินร้อยละ 10 หรือไม่ ซึ่งถ้าเกินก็ต้องยื่นขออนุญาตดัดแปลงอาคาร

3. การรีโนเวท เปลี่ยนแปลง การต่อเติม การเพิ่ม การลด หรือการขยายซึ่งลักษณะขอบเขต แบบ รูปทรง สัดส่วน น้ำหนัก เนื้อที่ส่วนต่างๆ ของอาคาร ที่ไม่ใช่ส่วนของโครงสร้าง หรือเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับโครงสร้างเกินร้อยละ 10 เช่น ต้องการก่อผนังอิฐแดงเพิ่ม เช่นผนังกั้นห้อง หรือก่อเค้าท์เตอร์ครัวขึ้นมาใหม่ การปรัปเปลี่ยนรูปทรงประตู ที่มีน้ำหนักไม่เกินร้อยละ 10 จากน้ำหนักเดิม ก็ไม่จำเป็นต้องยื่นเรื่องขออนุญาต

4. การขยาย หรือลดพื้นที่ชั้นใดชั้นหนึ่ง หรือขยายพื้นที่หลังคา โดยไม่ลด หรือเพิ่มจำนวนเสาหรือคาน และต้องมีพื้นที่รวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร เช่น การต่อเติมระเบียง แต่ต้องระวังไม่ให้กระทบกับเพื่อนบ้านด้วยนะครับ

 

โทษของการรีโนเวทที่ไม่ได้รับอนุญาต

แน่นอนว่าเมื่อทำผิดกฏหมาย ไม่ทำการขออนุญาตเจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือทำการรีโนเวท ดัดแปลงอาคารที่ไม่เป็นไปตามกฏหมายควบคุมอาคาร จะมีความผิด และต้องรับโทษทางอาญาตามที่กำหนดไว้ใน พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522

1. มาตรา ๖๕ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังกำหนดโทษเป็นรายวันอีก วันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืน จนกว่าจะปรับแก้ไข และปฏิบัติให้ถูกต้อง

2. มาตราที่ ๖๖ ทวิ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังกำหนดโทษเป็นรายวันอีก วันละไม่เกิน 30,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืน จนกว่าจะปรับแก้ไข และปฏิบัติให้ถูกต้อง

3. มาตรา ๖๗ ในกรณีที่ฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่สั่งระงับการดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือผิดจากแบบที่ได้รับอนุญาต รับโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังกำหนดโทษเป็นรายวันอีก วันละไม่เกิน 30,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืน จนกว่าจะปรับแก้ไข และปฏิบัติให้ถูกต้อง

นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ เช่น การเว้นระยะห่างของอาคารและรั้วบ้าน การกำหนดพื้นที่ว่าง การเลือกใช้วัสดุ ซึ่งคุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ คู่มือกฏหมายควบคุมอาคาร เพื่อป้องกันการรีโรเวทที่ผิดกฏหมาย และไม่ถูกใจเพื่อนบ้าน

รีโนเวทบ้านทั้งที สิ่งที่ต้องเตรียมมีอะไรบ้าง

หลายๆคน อาจจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าควรเริ่มต้นอย่างไร ลองอ่านสิ่งที่เรานำมาฝากดูสักนิด รับรองได้ไอเดียดีๆแน่นอน

คิดให้ดีว่าเราต้องการอะไร

จะปรับปรุงบ้านทั้งที ของแบบนี้ต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะถ้าเกิดไม่ได้อย่างที่ต้องการขึ้นมา อาจจะต้องแก้ไขกันอีกยาว อีกทั้งยังสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยใช้เหตุอีกด้วย อาจจะเริ่มจากการคิดจุดประสงค์ของการรีโนเวทขึ้นมาก่อน

จากนั้นคำนึงถึงการใช้ประโยชน์ เช่น การใช้งานว่าคุ้มค่าหรือไม่ ตามด้วยความสวยงาม ซึ่งอาจจะจ้างสถาปนิกช่วยให้เราเห็นภาพที่ชัดขึ้นด้วยก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการแต่ละบุคคล

คิดถึงเรื่องสไตล์ แต่อย่าลืมมองการณ์ไกล

ไม่ว่าคุณต้องการรีโนเวทบ้านให้เป็นแบบไหนก็ตาม ขอให้คุณมั่นใจก่อนว่าสิ่งที่เลือกมานั้นดีที่สุด ดังนั้นอย่าเลือกรีโนเวทบ้านตามสมัยนิยม แต่ให้เลือกจากการอยู่อาศัยจริงจะดีกว่า เพื่อคุณสามารถอยู่กับมันไปได้นานๆ ยังไงล่ะ

กำหนดงบประมาณที่จะใช้

ไม่ลืมคำนวณ หรือกำหนดแผนงบประมาณก่อนเสมอ เพราะสิ่งนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญของการรีโนเวทบ้าน เพราะการรีโนเวทแต่ละครั้งต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าออกแบบ, ค่าวัสดุ, ค่าแรงงานต่างๆ ฉะนั้นแล้วคุณต้องเตรียมให้ดีเพื่อให้งบไม่บานปลาย

ทำลิสต์วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้

เพื่อป้องกันปัญหาการลืมว่าต้องใช้อะไรในการรีโนเวทบ้าง คุณควรทำลิสต์รายชื่อวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ก่อน จากนั้นให้จัดลำดับความสำคัญและความจำเป็นของอุปกรณ์แต่ละชนิด ซึ่งจะช่วยให้งานดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และงบไม่บานปลายอีกด้วย

เลือกช่างที่ไว้ใจได้

สิ่งสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ อีกหนึ่งอย่างก็คือ การหาช่างผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์ มีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง เพราะการรีโนเวทบ้านแต่ละครั้งจำเป็นต้องตรวจสอบสภาพโครงสร้างต่างๆ รวมไปถึง ระบบไฟฟ้า น้ำประปา ด้วย การเลือกช่างที่มีประสบการณ์ จึงเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจ เพื่อให้การรีโนเวทผ่านไปได้ด้วยดี

เพราะถ้าหากเลือกช่างที่ขาดประสบการณ์ ไม่รู้จริงเรื่องบ้าน อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาในระระยาวได้ ถึงตอนนั้นคุณอาจจะมานั่งปวดหัวอีกรอบก็เป็นได้

ใส่ใจเลือกอุปกรณ์รีโนเวทบ้าน

สำหรับการเลือกอุปกรณ์ในการรีโนเวทบ้าน คุณควรเลือกวัสดุที่แข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน อาจจะเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่มีราคากลางๆ ก็ได้ ซึ่งการเลือกวัสดุแต่ละชิ้นต้องพิจารณางบประมาณของคุณประกอบด้วย

เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมพร้อม

นอกจากช่างผู้คุมงานแล้ว ตัวคุณเองก็ควรลงไปดูงานด้วยเช่นกัน เผื่อในกรณีที่มีปัญหา หรือข้อสงสัยจะได้สามารถแก้ปัญหาได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาติดต่อผ่านตัวกลาง อีกทั้งยังสามารถตรวจเช็กอุปกรณ์ และความสะดวกต่างๆ อย่างใกล้ชิดอีกด้วย

4 เคล็ดลับรีโนเวทบ้านให้ประหยัดงบที่สุด

เพื่อให้ทุกคนรีโนเวทบ้านได้อย่างคุ้มค่าและได้ประโยชน์สูงสุด วันนี้เรามี 4 เคล็ดลับดีๆ ในการรีโนเวทบ้าน แถมประหยัดงบที่สุดมาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย

1. เลือกแบบบ้านให้เหมาะกับการใช้งานและงบประมาณ

เพราะแบบบ้านที่ดีนอกจากจะต้องสวยงามน่าอยู่อาศัยแล้ว ส่วนประกอบต่างๆในการทำก็ควรได้มาตรฐานตามหลักวิศวกรรมด้วยเช่นกัน

ดังนั้นหากคุณเลือกใช้บริการจากบริษัทรับสร้างบ้านในการรีโนเวท หรือคิดจะรีโนเวทด้วยตัวเอง ให้คำนึงถึงความเหมาะสม รูปแบบการใช้งาน และงบประมาณก่อนเสมอ เพื่อให้บ้านที่ออกมาได้มาตรฐานและมีความปลอดภัย

2. เลือกรีโนเวทจุดสำคัญจริงๆ

ถ้าอยากประหยัดเงิน งบไม่บานปลาย คุณต้องรู้จักยั้บยั้งชั่งใจและเลือกรีโนเวทจุดที่สำคัญจริงๆ พยายามโฟกัสจุดนั้นๆ ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วค่อยคำนวณดูอีกครั้งว่างบยังเหลือหรือไม่ หรือสามารถทำเพิ่มเติมได้มากแค่ไหน หากประเมินแล้วว่าสามารถทำได้ก็ลุยต่อเลย

3. ลงมือทำเองช่วยได้เหมือนกัน

เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าคุณสามารถทำเองได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะนอกจากจะไม่เสียเงินแล้ว ยังได้รูปแบบที่ตรงใจ ไม่เสียเวลามากมาย แต่อาจจะต้องลงแรง และหาความรู้เพิ่มเติมมากขึ้นสักหน่อย

4. เฟอร์นิเจอร์ วัสดุเก่า อย่าเพิ่งทิ้ง

เพราะสิ่งของเหล่านี้ อาจเป็นตัวช่วยตกแต่งบ้านของคุณในอนาคตได้ ฉะนั้นแล้วอย่าเพิ่งตัดสินใจทิ้งไปล่ะ

 

สรุป

เมื่อทราบ กฎหมายเกี่ยวกับการรีโนเวทต่อเติมบ้าน ข้อกำหนดแล้วทุกอย่างก็ง่ายขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเชื่อว่าคงไม่มีใครชั่งน้ำหนักกันจริงจังมาก่อนหรอก เพราะอย่างนั้นถ้าอยากอุ่นใจจริงๆ ว่าเราทำตามข้อกำหนดก็แวะไปทำเรื่องขออนุญาตกันไว้ก็ดีกว่า

สิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้เด็ดขาดคือ “การแจ้งเพื่อนบ้าน” ก่อนจะต่อเติมบ้านควรแจ้งเพื่อนบ้านเอาไว้ก่อนเพื่อความสงบสุขในการอยู่อาศัย เพราะถ้าโดนเพื่อนบ้านฟ้องร้องเพราะการต่อเติมของเราไปส่งผลกระทบกับเพื่อนบ้านหรือรัฐมาตรวจพบภายหลังล่ะก็ งานงอกแน่ๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!