ออกแบบภายใน ราคาถูก มีวิธีคิดราคายังไง

ออกแบบภายใน ราคาถูก

บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโด ออฟฟิศ ร้านค้าต่างๆเวลา ออกแบบภายใน ราคาถูก หรือแพงมีวิธีคิดยังไง ขั้นตอนสิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มออกแบบตกแต่งภายใน ติดตามได้ในบทความนี้ จาก บริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน UREBUILD(ยูรีบิ้ว)

มัณฑนศิลป์ (Decorative art) หมายถึง การนำศิลปะมาออกแบบและตกแต่งงานสถาปัตยกรรม หรือนำมาใช้สำหรับการตกแต่งภายใน-ภายนอกอาคาร เพื่อให้มีความสวยงามและสามารถใช้ประโยชน์ได้จากงานออกแบบได้

การเลือกจ้างนักออกแบบตกแต่งภายใน หรือสถาปนิก ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ต้องหาคนที่มีประสบการณ์ ความชำนาญ เชี่ยวชาญ เพราะนักออกแบบตกแต่งภายในที่มีประสบกาณ์จะรู้ว่าจะต้องทำยังไงให้บ้านเราออกมาดูดีและฟังก์ชั่นการใช้งานครบ ทั้งยังทำภาพจำลองบรรยากาศ หรือ ภาพ 3D หรือ Tive เป็นภาพจำลองทัศนียภาพให้เราเห็นเป็นภาพก่อน

 

ออกแบบภายใน ราคาถูก ตกแต่งบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ ตึกแถว คอนโด

ออกแบบตกแต่งภายใน ราคาถูก บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ ตึกแถว คอนโด โดยอินทีเรียดีไซเนอร์(มัณฑนากร) มืออาชีพ กับ UREBUILD

รับออกแบบงานบิ้วอิน(Built-in) งานออกแบบ 3D รีโนเวท ด้วยทีมออกแบบมืออาชีพที่มีประสบการณ์นานหลายปี อินทีเรียดีไซเนอร์(มัณฑนากร) รับออกแบบตกแต่งภายใน Built-in ผลิตเฟอร์นิเจอร์ Built-in ปรึกษาประเมินราคาฟรี คุมงบตกแต่งได้ไม่บานปลาย รับตกแต่งทุกสไตล์ เช่น แนว Minimal Muji Classic Modern Loft Contemporary luxury ญี่ปุ่นjapanese

  • ควบคุมคุณภาพงานออกแบบและรับเหมาตกแต่งภายในโดยวิศวกรและสถาปนิกให้ออกมาได้คุณภาพเกินมาตรฐาน ฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน
  • มีทีมให้บริการครบวงจร Turnkey รับเหมาตกแต่งครบวงจร
  • ติดต่อทำงบประมาณได้ทันที ปรึกษาฟรี เรามีทีมงานมือาชีพ มากประสบการณ์ บริการประทับใจ
  • ให้บริการ รับเหมาตกแต่งภายใน รับออกแบบและตกแต่งภายใน ที่อยู่อาศัย บ้าน คอนโด ร้านอาหาร สำนักงาน ตกแต่งภายในครบวงจร office interior design ตามแบบไลฟ์สไตล์คุณ
  • รับออกแบบตามงบประมาณ ราคาไม่แพง พร้อมเนรมิตบ้านธรรมดา ให้เป็นบ้านในฝัน โดยทีมช่างที่มากด้วยประสบการณ์ด้านการรับออกแบบภายในบ้าน
  • ใส่ใจทุกรายละเอียดในการทำงาน จริงใจไม่ทิ้งงาน พร้อมให้คำปรึกษา วางแผนร่วมกันกับลูกค้า ประเมินราคาถึงหน้างาน วางแผนงานให้ตั้งแต่ต้นจนจบ

เราเป็นบริษัทที่รับออกแบบและตกแต่งภายในที่พักอาศัยทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน อาคาร คอนโด โรงแรม รวมถึงงานเฟอร์นิเจอร์ บิวท์อิน และงานก่อสร้าง ด้วยบริการที่ครบ จบในที่เดียว

ออกแบบภายใน ราคาถูก ให้คำปรึกษาทุกขั้นตอนมืออาชีพ ดูแลอย่างเป็นกันเอง ตามงบประมาณประสบการณ์นานหลายปี

บริการของ UREBUILD >> รับออกแบบตกแต่งภายใน

 

สารบัญ

 

 

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเริ่ม ออกแบบตกแต่งภายใน

1. คิดและวางแผนความต้องการให้ชัดเจน

ก่อนที่เราจะเริ่มต้นออกแบบตกแต่งภายใน เราควรที่จะเข้าใจความต้องการของตัวเองก่อน ว่าในบ้าน หรือคอนโดที่เราต้องการตกแต่งนั้น อยากให้มีห้องอะไรบ้าง มีฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นยังไง แต่ละห้องใช้เฟอร์นิเจอร์กี่ตัว ตกแต่งสไตล์ไหน เราต้องการใช้ส่วนไหนทำอะไร จะอยู่ที่ตำแหน่งไหน

การที่เราไม่กำหนดฟังก์ชันการใช้งานให้ชัดเจน จะทำให้เกิดการปรับแบบในภายหลังได้ เช่น บางครั้งเราสรุปกับนักออกแบบไปแล้ว แต่นึกออกทีหลัง เช่น ควรจะต้องมีห้องเก็บของเพิ่ม ต้องมีห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุเพิ่ม สิ่งเหล่านี้จะทำให้นักออกแบบตกแต่งภายในต้องมารื้อแบบใหม่อีก

2. กำหนด Concept การออกแบบตกแต่งภายใน

เมื่อเรารู้ความต้องการของเราแล้วว่าเราอยากได้อะไรบ้าง ขั้นตอนนี้จะเข้าสู่กระบวนการออกแบบตกแต่งภายใน ซึ่งสิ่งที่เราต้องทำคือ การกำหนด concept เป็นตัวช่วยให้การตกแต่งบ้านออกมาในทิศทางเดียวกัน และสอดคล้องกัน โดยจะต้องคำนึงถึง แนวความคิดในการออกแบบ สไตล์ การใช้สีและบรรยากาศ การใช้วัสดุ และการเลือกเฟอร์นิเจอร์

ยกตัวอย่างเช่น กำหนด Concept ว่า อยากทำบ้านหลังเล็กๆให้เหมือนรีสอร์ท เราก็จะคิดต่อว่าจะใส่ลูกเล่นอะไรให้ได้ความรู้สึกเหมือนเป็นรีสอร์ท เช่น ใช้วัสดุจากธรรมชาติในการออกแบบตกแต่งภายใน ออกแบบให้มีช่องแสงหรือหน้าต่างที่เปิดกว้างสำหรับรับวิว เป็นต้น

3. ระวังค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายแฝง

บางครั้งเราจ้างนายหน้าในการช่วยคอยประสานงาน ติดต่อหาบ้านหรือคอนโดต่างๆให้ ซึ่งมันก็มีข้อดีที่ช่วยให้เราสะดวกมากขึ้น แต่ก็จะมีค่านายหน้าของ Agent ที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นทางตรงและทางอ้อม เช่น นอกจากที่นายหน้าจะได้รับค่าบริการตามที่ตกลงกับลูกค้าแล้ว จะมีส่วนที่ได้จากทางผู้รับเหมาหรือส่วนงานอื่นๆตามตกลงอีกด้วย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับงบประมาณของงานก่อสร้าง

หมายความว่า ราคางานก่อสร้างของงานออกแบบตกแต่งภายในที่ผู้รับเหมาเสนอให้ลูกค้าก็มีค่าบริการส่วนนี้ลงไปด้วยโดยที่ลูกค้าไม่รู้ตัว วิธีการป้องกันคือ เปรียบเทียบราคาหลายๆ Agent เลือก Agent ที่เราสนใจมาเปรียบเทียบกัน แต่อย่าลืมพิจารณาถึงคุณภาพของแต่ละคนประกอบด้วย

4. นักออกแบบตกแต่งภายใน

การเลือกนักออกแบบตกแต่งภายในที่ดี ไม่ควรที่จะดูแค่รูปผลงานที่นำเสนอเพียงอย่างดียว ควรดูที่ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะในปัจจุบันการทำภาพให้สวยออกมาเป็นผลงานของตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ใช้ Software ที่ทำได้ดีขึ้น Render ได้เร็วขึ้น ให้ดูสมจริงขึ้น

การทำรูปผลงานออกมาให้ดูสวยงามก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของงาน แต่จริงๆแล้วยังมีรายละเอียดอื่นที่สำคัญ เช่น การจัดวางพื้นที่ เลือกวัสดุที่เหมาะกับงบประมาณ ประสบการณ์การทำงาน งานระบบต่างๆ

 

อินทีเรียกับหลักการ ออกแบบตกแต่งภายใน

การออกแบบตกแต่งภายใน คือ การสร้างสภาพแวดล้อมภายในอาคารที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ให้เกิดความสะดวกสบายในด้านประโยชน์ใช้สอยและความงามในรูปแบบโดยอาศัยเหตุผลทางพฤติกรรมและข้อมูลต่าง ๆ ของมนุษย์เป็นหลัก โดยมีหลักการออกแบบอยู่ 4 ประการ ได้แก่

1 การออกแบบภายในต้องเน้นประโยชน์ใช้สอย คือ การออกแบบเพื่อความเหมาะสมกับการใช้งาน หรือสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2 งานออกแบบอินทีเรียร์หรือออกแบบภายใน เน้นความงามของรูปแบบ เพราะเป็นองค์ประกอบที่สร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้ใช้ ทั้งในด้านความงาม ความทันสมัย ความมีรสนิยมและกลมกลืนกับบรรยากาศ

3. หลักของการจัดวาง คือ การออกแบบภายในที่การวางตำแหน่งเครื่องเรือนเครื่องใช้ต้องเหมาะสมตามหน้าที่ของการใช้สอยภายในห้อง เพื่อให้เกิดความงาม ความเป็นระเบียบ เกิดมิติ ช่องว่างและความกลมกลืน

4. การออกแบบต้องยึดหลักจิตวิทยา โดยออกแบบอินทีเรียร์ควรคำนึงถึงสภาพแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ ระดับการศึกษา รสนิยมและความต้องการพื้นฐานของผู้ใช้งาน เพื่อให้งานออกแบบตกแต่งภายในเกิดประโยชน์สูงสุด

 

รูปแบบการและข้อจำกัด ออกแบบตกแต่งภายใน

การออกแบบตกแต่งภายในมีอยู่หลายรูปแบบ ส่วนข้อจำกัดในการออกแบบหลัก ๆ แล้วเกือบไม่มี งานออกแบบอินทีเรียร์ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้หรือผู้อาศัยและจินตนาการการออกแบบของนักออกแบบเป็นสำคัญ แต่ถ้าจะมองโดยรวมอาจแบ่งรูปแบบการตกแต่งภายในได้ 4 แบบ คือ

1. การตกแต่งภายในรูปแบบดั้งเดิม หมายถึงแนวการตกแต่ง บ้าน อาคาร สถานที่ ให้ได้อารมณ์และความรู้สึกเหมือนได้ย้อนไปในยุคเก่า ๆ เป็นการตกแต่งที่ได้จำลองรูปแบบการออกแบบพื้นที่ใช้สอยในยุคเก่ามาใช้ร่วมกันกับของตกแต่งที่มีอายุการใช้งานนาน ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ ตู้เตียง เก้าอี้ โซฟา เคาน์เตอร์ แจกัน โคมไฟ และอื่น ๆ

2. การตกแต่งภายในรูปแบบสมัยใหม่ เป็นงานออกแบบอินทีเรียร์ที่นำทั้งลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ หรือวัสดุที่มีความงดงาม หรูหรา ทันสมัยมาตกแต่ง

3. การตกแต่งภายในรูปแบบร่วมสมัย คือการผสมผสานกันระหว่างความคลาสิคของยุคก่อนนำมาผนวกกับรูปแบบของบ้าน อาคาร หรือสถานที่ ที่อยู่ในยุคปัจจุบัน

4. การตกแต่งภายในรูปแบบตามลักษณะท้องถิ่น คือการตกแต่งโดยคงเอกลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่นนั้น ๆ ไว้ อาจเป็นบ้านอาคารสถานที่ ที่ตั้งแต่อยู่ในท้องถิ่นนั้น หรือนำรูปแบบและเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นมาตกแต่งเพื่อดึงดูดความสนใจหรือสร้างเอกลักษณ์ให้โดดเด่นและแตกต่าง

 

ขั้นตอนการออกแบบ และตกแต่งภายใน-ภายนอก

การออกแบบตกแต่งภายใน มีลักษณะงานที่นอกจากจะต้องคำนึงถึงการอำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งาน ประโยชน์จากการใช้สอย ระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยแล้ว ยังต้องคำนึงถึงราคาที่ประหยัดสำหรับงบประมาณและรูปแบบความสวยงาม

โดยที่การออกแบบตกแต่งภายในนี้อาจเป็นงานออกแบบจากการนำสิ่งที่มีอยู่แล้วมาดัดแปลงให้สวยงามยิ่งขึ้น หรือเป็นงานที่ถูกออกแบบสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่โดยนักออกแบบตกแต่งภายใน

การตกแต่งภายใน (Interior Design)

การตกแต่งภายใน หมายถึง การออกแบบเพื่อจัดและตกแต่งสภาพแวดล้อมภายในอาคารและสถานที่ ให้เกิดความสะดวกสบายในด้านประโยชน์ใช้สอยและในด้านความสวยงาม โดยเริ่มต้นจากการวางผังเครื่องเรือน แล้วทำการพิจารณาเลือกรูปแบบ(Style) ของเครื่องเรือน จากนั้นจึงจะทำการเลือกวัสดุตกแต่ง กำหนดสีและแสง และทำการเลือกสิ่งตกแต่งเพื่อความสวยงามเป็นขั้นสุดท้าย ตัวอย่างเช่น ต้นไม้ หรือรูปภาพ เป็นต้น

ขั้นตอนมาตรฐานของการออกแบบและตกแต่งภายใน

1. ขั้นตอนการให้คำปรึกษาและขอข้อมูล

เป็นขั้นของการให้คำปรึกษาและขอข้อมูลเกี่ยวกับการออกแบบโครงการระหว่างลูกค้าและนักออกแบบ โดยอาจมีการพบปะพูดคุยกันมากกว่า 1 ครั้งเพื่อทำการปรับความเข้าใจต่างๆ และสรุปความต้องการขั้นต้นให้ตรงกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งในขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ลูกค้าจะใช้สำหรับพิจารณาความสามารถ ความน่าเชื่อถือ ของนักของแบบว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่และจะสามารถทำงานร่วมกันได้ออกมาตรงกับความต้องการหรือไม่

และสำหรับนักออกแบบก็จะใช้ขั้นตอนนี้ในการพิจารณารับงานของลูกค้าด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่แล้วในขั้นของการให้คำปรึกษาและขอข้อมูลนักออกแบบจะไม่คิดค่าบริการในการให้คำปรึกษา แต่หากมีค่าบริการก็จะคิดในราคาที่ไม่สูงมาก แต่เพื่อทำการลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นลูกค้าจึงควรสอบถามและตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายในการขอคำปรึกษากับนักออกแบบเสียก่อนที่จะมีการพบปะพูดคุยกัน

2. ขั้นตอนการวางผังและนำเสนอแนวคิดเพื่อการออกแบบขั้นต้น (Lay-out and Conceptual Design)

เป็นขั้นตอนการวางแนวความคิดของนักออกแบบให้ลูกค้าได้นำไปพิจารณาอย่างคร่าวๆ โดยที่นักออกแบบจะต้องออกแบบและวางผังพื้นที่ใช้สอยอย่างง่าย (Lay-out Plan) รวมทั้งจะต้องทำการพิจารณารูปแบบที่จะใช้สำหรับงานออกแบบ (Style) และการแบ่งพื้นที่ใช้สอย (Zoning) ให้มีประสิทธิภาพ เหมาะสม ตรงกับความต้องการของลูกค้า

ซึ่งส่วนมากเพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ นักออกแบบจะนำนิตยสาร หรือหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการตกแต่งภายในมานำเสนอแนวคิดในรูปแบบต่างๆ แก่ลูกค้า ในขั้นตอนดังกล่าวลูกค้าจึงจะได้ทราบรูปแบบโดยรวมและแนวทางของงานที่จะถูกพัฒนาต่อไป

3. ขั้นตอนในการพัฒนาแบบร่างขั้นต้น

เป็นขั้นตอนที่นักออกแบบจะต้องทำการนำเสนอแบบร่างอย่างง่ายแก่ลูกค้า ตามรูปแบบที่ได้ผ่านการอนุมัติมา ทั้งในด้านแนวความคิดของงานออกแบบและผังพื้นที่ในการใช้สอย เพื่อทำให้ลูกค้าเกิดจินตภาพและเข้าใจภาพรวมของงานออกแบบมากยิ่งขึ้น โดยที่นักออกแบบสามารถเลือกนำเสนอได้ในรูปแบบที่หลากหลาย ได้แก่ รูปแบบ Model รูปแบบภาพ Sketch หรือรูปแบบ Perspective เป็นต้น

ซึ่งในขั้นตอนการพัฒนาแบบร่างขั้นต้นนี้ ลูกค้าจะสามารถขอปรับหรือแก้ไขรูปแบบของงานได้ แต่มักมีข้อกำหนดสำหรับบริษัทหลายแห่งคือ จำนวนครั้งในการขอปรับแก้นั้นสามารถทำได้ไม่เกิน 2 ครั้งรวมทั้งไม่ควรปรับแก้จนผิดไปจากผังและรูปแบบที่ได้ถูกวางเอาไว้มากจนเกินไป เนื่องจากจะทำให้งานยืดเยื้อและส่งผลให้เสร็จไม่ทันในระยะเวลาที่กำหนด

4. ขั้นตอนในการพัฒนาแบบร่างขั้นสุดท้าย

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่นักออกแบบจะนำแบบร่างขั้นต้นมาพัฒนาต่อเพื่อทำการนำเสนอลูกค้า ให้มีความใกล้เคียงกับผลงานออกแบบจริงมากที่สุด โดยที่ส่วนมากมักใช้รูปแบบการนำเสนอแบบภาพ Perspective และ แบบModel ที่มีความเสมือนจริง ทำให้ลูกค้าเกิดจินตภาพที่ชัดเจนในงานออกแบบทั้งหมด

และเนื่องจากแบบร่างขั้นสุดท้ายนี้เป็นแบบร่างที่ได้ผ่านการอนุมัติจากแบบร่างขั้นต้นมาแล้ว ลูกค้าจึงสามารถขอปรับแก้ไขแบบร่างได้เพียงเล็กน้อยในส่วนของรายละเอียดเท่านั้น แต่หากลูกค้าต้องการปรับแก้แบบร่างในส่วนหลักของงาน บริษัทหรือนักออกแบบจะทำการคิดค่าบริการเพิ่มในส่วนของงานที่จะต้องทำการแก้ไขและออกแบบใหม่ทั้งหมด

5. ขั้นตอนของการกำหนดวัสดุสำหรับตกแต่งภายในทั้งหมด

เป็นขั้นตอนการกำหนดวัสดุที่จะนำมาใช้ในการตกแต่งทั้งหมดให้ลูกค้าได้พิจารณา โดยนักออกแบบจะอ้างอิงจากงานแบบร่างขั้นสุดท้ายที่ได้ผ่านการการอนุมัติมาแล้ว เพื่อจัดทำรูปแบบนำเสนอให้ลูกค้าได้ทำการพิจารณาเปรียบเทียบวัสดุ การฉลุลายเหล็ก โลหะ เพื่อการออกแบบ

โดยส่วนใหญ่นักออกแบบมักนำเสนองานในรูปแบบของ Material Board หรือแผ่นกำหนดวัสดุ ก่อนที่จะทำการรวมและประกอบแบบร่างเข้าด้วยกัน จากนั้นนักออกแบบจึงจะสามารถดำเนินการในขั้นตอนสุดท้ายคือขั้นตอนการเขียนแบบรายละเอียดต่อไป

6. ขั้นตอนของการเขียนแบบรายละเอียด

เป็นขั้นตอนที่นักออกแบบจะเขียนแบบรายละเอียด และทำการพิมพ์แบบฉบับร่างออกมาเพื่อนำเสนอให้ลูกค้าได้พิจารณารายละเอียดทั้งหมดของงาน ซึ่งแบบรายละเอียดนี้จะต้องถูกเขียนให้ตรงตาม Material Board และแบบร่างขั้นสุดท้ายที่ผ่านการอนุมัติมาแล้ว

โดยส่วนมากนักออกแบบมักใช้ระยะเวลาทำงานในขั้นตอนดังกล่าวประมาณ 15-30 วัน หลังจากนั้นจึงจะส่งแบบรายละเอียดฉบับร่างไปให้แก่ลูกค้า โดยที่ลูกค้าสามารถทำการแจ้งขอปรับแก้รายละเอียดในแบบกับนักออกแบบได้ และเมื่อแก้ไขแบบรายละเอียดฉบับร่างได้ตรงตามที่ต้องการแล้ว นักออกแบบจึงจะทำการพิมพ์แบบรายละเอียดฉบับจริงต่อไป

สัญญาการออกแบบตกแต่งภายใน และการแบ่งงวดงาน

กรณีที่1 การแบ่งงวดงานหลายงวด

Interior ออกแบบงานประเภทไหนบ้าง?

สำหรับ Interior นั้น งานออกแบบส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ออกแบบภายในบ้านพักอาศัยขนาดใหญ่ สเกล 500-2,000 ตร.ม. และอีกส่วนจะเป็นการออกแบบงานในเชิง Commercial ที่เน้น Concept โดดเด่น มี Branding ที่ชัดเจน ในส่วนของบ้านพักอาศัย จะมี Detail ในการออกแบบเยอะ เนื่องจากวิธีการทำงานที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบให้เหมาะสมกับเจ้าของบ้านมากที่สุด

งานออกแบบที่เหมาะสมกับเจ้าของบ้านเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ในช่วงเริ่มต้นของการทำงาน จะเริ่มต้นจากการพูดคุยกับเจ้าของบ้านก่อน โดยจะให้ความสำคัญและให้เวลากับขั้นตอนนี้มาก เพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าเจ้าของบ้านเป็นคนอย่างไร ทั้งรสนิยม ความชอบ นิสัย รวมไปถึงวิถีการใช้ชีวิต เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาเป็นโจทย์ในการออกแบบให้เหมาะสมกับเจ้าของบ้าน ยิ่งรู้ข้อมูลเยอะเท่าไหร่ งานออกแบบที่ได้ก็จะเข้ากับเจ้าของบ้านมากเท่านั้น

ขั้นตอนการทำงานออกแบบ มีอะไรบ้าง?

ในขั้นตอนแรกจะเป็นการนัดเจอพูดคุยกัน ไปดูสถานที่จริงกันก่อน เพื่อให้ทั้งตัวดีไซน์เนอร์เองและลูกค้าได้เห็นหน้าค่าตากันว่าสามารถทำงานเข้ากันได้ไหม ก่อนที่จะตกลงเซ็นสัญญาทำงานร่วมกัน ทั้งนี้เนื่องมาจากในการออกแบบบ้านหลังหนึ่งนั้น ตั้งแต่เริ่มต้นออกแบบจนก่อสร้างเสร็จบางครั้งอาจกินเวลาไปถึง 2-3 ปีได้

ดีไซน์เนอร์เองจะต้องทำงานกับเจ้าของบ้านอย่างละเอียด แม้จะมีการกำหนดจำนวนครั้งที่ส่งงานหรือว่าจำนวนครั้งที่เข้าไปตรวจเช็คหน้างานตามที่ระบุไว้ในสัญญา แต่ด้วยตัวโปรเจคบ้านที่เจ้าของบ้านมักจะมีความละเอียดอ่อนสูง ทำให้ดีไซน์เนอร์มักจะต้องพบปะกับเจ้าของบ้านบ่อยครั้งมากกว่านั้น ความเข้ากันได้ระหว่างดีไซน์เนอร์และเจ้าของบ้านจึงสำคัญ เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ก็จึงเซ็นสัญญาการออกแบบเพื่อเริ่มทำงาน

เนื้องานที่ บริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน ส่วนใหญ่ทำถือว่าเป็น Full Scope Design ตั้งแต่ออกแบบ ไปจนถึงการเลือกงานศิลปะ หรือ Prop ที่มาตกแต่งภายในบ้าน ต้องให้คำปรึกษากับเจ้าของบ้าน และต้องทำงานร่วมกับทีมอื่นๆ อีก เช่น สถาปนิกที่ออกแบบบ้าน ผู้รับเหมา เพื่อให้งานออกมาไม่มีปัญหา

การประสานงานหรือการทำงานร่วมกับทีมอื่นๆ ก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น บางครั้งการออกแบบภายในย่อมต้องสัมพันธ์กับงานออกแบบภายนอก เช่น การจัดวางหน้าต่าง ขนาดช่องแสง หรือแม้กระทั่งงานระบบต่างๆ ถ้าสามารถทำงานควบคู่พร้อมกันไปได้ ปัญหาที่ต้องแก้ไขระหว่างขั้นตอนก่อสร้างก็จะน้อยลง เป็นประโยชน์ต่อเจ้าของบ้าน

สัญญาการออกแบบ กรณีมีการแบ่งงวดงานหลายงวด

งวดที่ 1 : 10% เมื่อเซ็นสัญญาเริ่มทำงาน

งวดที่ 2 : 10-15% ช่วง Preliminary design เป็นขั้นตอนการทำความเข้าใจเจ้าของบ้าน เห็น Mood&Tone ให้เจ้าของบ้านรับรู้ว่าดีไซน์เนอร์จะเสนอ Space แบบไหนให้

งวดที่ 3 : 15% ช่วง Design Develop 1 เป็นการลงรายละเอียดที่ขมวดมาจากสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากเจ้าของบ้าน ว่าชอบไม่ชอบอะไร เสนอเป็นทางเลือกให้กับเจ้าของบ้าน

งวดที่ 4 : 15% ช่วง Design Develop 2 จะเป็นการลงรายละเอียดมากขึ้น จากสิ่งที่เจ้าของบ้านเลือก

งวดที่ 5 : 20-25% ช่วง Design Develop 3 ช่วงพัฒนาแบบขั้นสุดท้าย ลงรายละเอียดจนถึงระดับ Material เพื่อจบขั้นตอนการออกแบบแล้วจึงไปสู่การเขียนแบบเพื่อก่อสร้าง

งวดที่ 6 : 30% หลังจากจบแบบก่อสร้าง

งวดที่ 7 : 10% เมื่อการก่อสร้างเสร็จสิ้น

ส่วนเรื่องระยะเวลาในการทำงานออกแบบ ตั้งแต่เริ่มงานจะใช้เวลาเพื่อพัฒนาแบบประมาณ 3-4 เดือน และมีระยะเวลาที่ทำแบบก่อสร้างอีกประมาณ 1-2 เดือน โดยรวมแล้วจะกินเวลาขั้นต่ำราวๆ 4-5 เดือน

หลักการคิดค่าแบบ

ในการประเมินค่าแบบนั้น จะมีวิธีการคิดค่าแบบอยู่ที่ 10% ของค่าก่อสร้าง โดยค่าก่อสร้างก็จะเฉลี่ยอยู่ที่ 20,000-30,000 บาท/ตร.ม. ใครที่ไม่รู้ว่าจะกำหนดงบยังไง ก็สามารถนำราคาต่อตร.ม.นี้ไปคูณกับพื้นที่ที่ต้องการได้ แต่ว่าในการออกแบบนั้นทางออฟฟิศจะมีค่าออกแบบขั้นต่ำในใจอยู่ด้วยเช่นกัน

กรณีที่2 การแบ่งงวดงานน้อยงวด

ขั้นตอนการทำงานกับดีไซน์เนอร์ เริ่มต้นจากอะไร?

ในช่วงแรกจะเป็นการพูดคุยข้อมูลคร่าวๆ กับลูกค้าก่อนว่างานที่จะให้ทำประมาณไหน? เช่น เป็นบ้านสร้างใหม่ หรือว่ารีโนเวทโครงการเก่า มีข้อจำกัดอะไรบ้าง? ลูกค้าอยากได้ Mood&Tone ของงานให้ออกมาสไตล์ไหน? โดยลูกค้าอาจจะส่งรูปพื้นที่ที่ให้ออกแบบมาให้ดู พร้อมกับระยะคร่าวๆ รวมไปถึงงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ เพื่อให้ดีไซน์เนอร์สามารถประเมินค่าออกแบบได้

หลักการในการประเมินคิดค่าออกแบบ

ในการคิดค่าออกแบบจะขึ้นอยู่กับลูกค้าแต่ละคน

  1. คิดจากปริมาณตร.ม.ที่ออกแบบ เช่น พื้นที่ที่ให้ออกแบบ 1,000 ตร.ม. ก็จะแบ่งคิดทีละฟังก์ชัน โดยในแต่ละฟังก์ชันก็จะมีเรทราคาการออกแบบต่อตร.ม.ที่แตกต่างกัน เช่น โถงทางเข้า ค่าออกแบบต่อตร.ม. ก็จะไม่เท่ากับห้องนอน หลังจากนั้นก็จะคำนวณรวมกลับมาเป็นค่าออกแบบที่เสนอกลับไปที่ลูกค้า
  2. คิดเป็น % จากมูลค่าการก่อสร้าง เช่น บ้าน 100 ตร.ม.ที่มีงบประมาณ 5 ล้าน กับ 100 ตร.ม. ที่มีงบประมาณ 50 ล้าน ดีเทลในการออกแบบก็ย่อมมีความแตกต่างกัน ความคาดหวังของลูกค้าที่มีงบประมาณเยอะก็อาจจะถึงขึ้นต้องการความ Unique ในทุกจุดภายในบ้าน ซึ่งดีไซน์เนอร์ก็อาจจะต้องช่วยเลือก ช่วยดู ช่วยสั่งผลิตออกมา เป็นเหมือนกับการสร้างงาน Craft ชิ้นหนึ่งเช่นกัน ดังนั้น ในการประเมินค่าแบบก็จะดูควบคู่กันไปทั้งงบประมาณและเนื้องานที่ต้องทำด้วย
สัญญาการเก็บค่าออกแบบกี่งวด?

งวดที่ 1 : 30% สำหรับการเริ่มต้นทำงาน

งวดที่ 2 : 30-40% หลังจากจบ Part design

งวดที่ 3 : 30% หลังจากจบแบบก่อสร้าง

งวดที่ 4 : 10% หลังจากการก่อสร้างเสร็จสิ้น

** ในส่วนของงวดสุดท้ายนั้น ขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างดีไซน์เนอร์และเจ้าของบ้านเป็นหลัก ว่าเจ้าของต้องการให้มีในส่วนนี้ไหม ซึ่งราคาค่าบริการการออกแบบก็จะมีความแตกต่างอยู่เช่นกัน

ระยะเวลาที่ใช้ในการออกแบบ นานไหม?

โดยทั่วไป งานออกแบบจะใช้ระยะเวลาอยู่ที่ราวๆ 3-4 เดือน แต่ถ้าเป็นโปรเจคที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย มีดีเทลการออกแบบที่เยอะ ก็อาจจะใช้เวลาออกแบบที่นานมากขึ้น แต่ก็ไม่เกิน 6 เดือน

ในการออกแบบนั้น เบื้องต้นจะเป็นการพูดคุยเรื่อง Mood&Tone ในการออกแบบ มีการใช้ Plan ช่วยในการพูดคุยเกี่ยวกับฟังก์ชันการใช้งาน ระยะของพื้นที่การใช้งานต่างๆ โดยอาจจะมีการขึ้น Model 3 มิติ ให้ลูกค้าดู หรือ VR walk through ควบคู่ไปกับภาพ Perspective

เพื่อแสดงให้เจ้าของบ้านเห็นถึง Space ต่างๆ ภายในบ้านว่าสวยไหม? ฟังก์ชันการใช้งานตอบโจทย์รึเปล่า? แต่ละส่วนจะเลือกใช้วัสดุอะไรยังไง? จนเป็นที่พึงพอใจ แล้วจึงไปสู่ขั้นตอนการเขียนแบบก่อสร้าง ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือนถึง 1 เดือนครึ่ง หลังจากนั้นถึงเป็นขั้นตอนการเลือกผู้รับเหมา และ ขั้นตอนการก่อสร้างตามมา

ในส่วนของการเลือกผู้รับเหมานั้น ลูกค้าบางรายอาจจะไม่มีผู้รับเหมาที่รู้จัก หรือไม่รู้จะหาผู้รับเหมายังไง ในกรณีนี้บางบริษัทก็สามารถแนะนำผู้รับเหมาที่เหมาะกับงานที่ออกแบบไปเสนอลูกค้าได้ 2-3 ราย เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกด้วยตัวเองต่อ

 

สรุป

งานออกแบบตกแต่งภายใน หรือที่เรียกกันว่าออกแบบอินทีเรีย คือส่วนประกอบสำคัญไม่เฉพาะการออกแบบตกแต่งภายในสิ่งปลูกสร้างเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับองค์กรธุรกิจ เกี่ยวกับการจัดวางและตกแต่งสถานที่เพื่อจัดวางหรือแสดงสินค้าให้โดดเด่นน่าสนใจอีกด้วย เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับออกแบบอินทีเรีย สามารถอ่านบทความต่างๆของ บริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน UREBUILD(ยูรีบิ้ว) สาระน่ารู้ เกี่ยวกับการออกแบบตกแต่งภายใน

งานออกแบบอินทีเรีย เพียงทำความเข้าใจและรู้หลักในการออกแบบ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของอาคารสถานที่ เจ้าของบ้านรวมทั้งผู้ประกอบการที่สามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้หรือนำความรู้พื้นฐานไปพูดคุยสื่อสารกับนักออกแบบได้อย่างเข้าใจ

ในการออกแบบที่ดี ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่มาจากการทำงานร่วมกันของทั้งสถาปนิก, Interior Designer และ เจ้าของบ้านที่ได้มาใช้เวลาพูดคุยกัน ข้อมูลจากเจ้าของบ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่ทำให้เกิดงานที่เหมาะสมและเข้ากับตัวตนของเจ้าของบ้านมากที่สุด

ส่วนในการทำงานจริงทุกงานนั้นยังไงก็ต้องเจอกับปัญหา เพียงแต่ว่าเราต้องมีการวางแผน มีวิธีการรับมือ หรือเตรียมพร้อมแก้ไขปัญหาเมื่อมันเกิดขึ้นมากกว่า จุดนี้จึงเป็นอีกสิ่งที่สำคัญในการทำงาน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!